ตัวอย่างการเขียนเค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
1.
ชื่อโครงงาน ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากเศษพืชผักที่เหลือใช้จากการประกอบอาหาร
2.
ผู้จัดทำโครงงาน 1. เด็กหญิงณัฐวดี บัวทอง
2. เด็กหญิงอัญชลี กันขาว
3. เด็กหญิงสุรีรัตน์ แก้วหนู
3.
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ สงบ ดุษฎีธัญกุล
4. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
เนื่องจากปุ๋ยที่ใช้ในการเพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นปุ๋ยเคมี
ทำให้ดินเสื่อมสภาพ และยังทำให้เกิดสารตกค้างมีผลกระทบต่อผู้บริโภค
อาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าสามารถใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติก็จะเป็นการดี
แนวคิดที่จะใช้วัสดุเหลือใช้ เช่น เศษผักที่เหลือจากการบริโภค
มาทำปุ๋ยน้ำน่าจะเป็นทางออกที่ดี
5.
จุดมุ่งหมายของการศึกษา
1.
เพื่อศึกษาการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพหมักชีวภาพจากเศษพืชผักที่เหลือใช้จากการบริโภค
2.
เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพกับปุ๋ยเคมี
3.
เพื่อลดต้นทุนในการเกษตรและรักษาสิ่งแวดล้อม
6.
สมมติฐานการศึกษาค้นคว้า
ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากเศษพืชผักสามารถเพิ่มการเจริญเติบโตต้นถั่วได้ดี
7.
วิธีดำเนินงาน
วัสดุ/อุปกรณ์
และสารเคมี
1.
ภาชนะมีฝาปิด
ขนาด 30 – 50 ลิตร
1 ใบ
2.
เมล็ดถั่วฝักยาว 1 กระป๋อง
3.
เศษผักที่เหลือใช้จากการประกอบอาหาร
1 ถังขนาด 20 ลิตร
4.
ใบสะเดา ½
ถังขนาด 20 ลิตร
5.
ดินปลูก ขนาด 10 Kg. 9 กระสอบ
6.
น้ำ 20
ลิตร
7.
กระบอกตวงขนาด 100 มล. 1 กระบอก
8.
สายวัด 1 เส้น
9.
เครื่องวัดค่า pH 1 อัน
10.
ไม้ค้างความยาวประมาณ 2.5 - 3 เมตร 30 อัน
11.
มุ้งไนลอน (มุ้งโอรีน) ขนาด 1 x 3 เมตร 1 ผืน
12.
เครื่องชั่งน้ำหนัก ชนิด 10 กิโลกรัม 1 เครื่อง
สารเคมี
1. กากน้ำตาล 1
ลิตร
2. จุลินทรีย์ E.M. ขนาด 1
ลิตร 1 แกลอน
3. ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ 21-21-21 500 กรัม
วิธีทดลอง
ตอนที่ 1 ศึกษาการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
1. นำเศษผักทุกชนิด และใบสะเดา มาผสมกันในถังที่เตรียมไว้
2. นำกากน้ำตาล และจุลินทรีย์
มาเทลงในถัง
3. เทน้ำลงในถังและคลุกเคล้าเศษผักในถังให้เข้ากันกับจุลินทรีย์และกากน้ำตาล
4. หลังจากคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหลังจากนั้นปิดฝาให้สนิทอย่าให้อากาศเข้าทิ้งไว้ประมาณ
3 เดือน
5. หลังจากหมักไปแล้ว 1 เดือน แล้วค่อยเปิดฝาออกนำไม้มาคนให้เศษผักที่อยู่ด้านบนให้ไปอยู่ด้านล่างของถังหลังจากนั้นปิดฝาให้สนิทและทิ้งไว้อีก
2 เดือน
6. หลังจาก 2 เดือนแล้วเปิดฝาถัง ถ้าเห็นราสีขาวขึ้นมาข้างบนของน้ำหมัก และมีกลิ่นของการหมัก สามารถนำน้ำหมักมาใช้ได้โดยการกรองเอาแต่น้ำ และเศษผักที่เหลือสามารถนำไปหมักต่อได้
ส่วนน้ำหมักนำมาผสมกับน้ำใช้ฉีดหรือรดพืชผักสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ตอนที่ 2 ศึกษาประสิทธิภาพของปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
1.
เตรียมแปลงดินสำหรับปลูกถั่ว
จำนวน 3 แปลง ขนาด กว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร โดยการ ยกร่องผสมดินปลูก แปลงละ 3
กระสอบ
2.
วัด ค่า pH ของดินก่อนที่จะทดลองปลูกถั่ว และบันทึกไว้
3.
เพาะต้นถั่วฝักยาวโดยการหยอดลงในหลุม
หลุมละ 3 เมล็ด แปลง ๆ ละ 10
หลุม หลังจาก 2 สัปดาห์ คัดเลือกให้เหลือหลุมละ
1 ต้น
4.
รดน้ำเปล่าทุกแปลง
วันละ 1 ครั้งตอนเช้า ไม่ควรแฉะเกินไป เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไปควรให้น้ำทุก 3-5 วันต่อครั้ง ให้ตรวจสอบความชื้นในดินให้เหมาะสม
5.
แปลงที่ 1 ใส่ปุ๋ยเคมี แปลงที่ 2 รดปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
แปลงที่ 3 รดน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่า ๆ กัน
6.
การใส่ปุ๋ย และรดปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
ทุก ๆ 3 วัน ต่อ 1 ครั้ง โดยแปลงที่ 2 รดปุ๋ยน้ำหมักและ
ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 5 ฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพด้วย คือ ผสมน้ำ
1:100-400 ใช้รดราดโคนต้นและ ผสมน้ำ 1:200-1000 ฉีดพ่นลำต้นและใบ
7.
บันทึกผลการเจริญเติบโตของถั่ว
โดยวัดความสูงของลำต้นทุก 7 วัน ใส่ค้างถั่วฝักยาวนั้นจะเริ่มใส่หลังจากงอกแล้ว 15-20 วัน โดยจับต้นถั่วฝักยาวให้พันเลื้อยขึ้นค้างในลักษณะทวนเข็มนาฬิกา
8.
สัปดาห์ที่ 5 – 8 วัด ค่า pH ของดินเพื่อเปรียบเทียบ
พร้อมสังเกตการณ์กัดกินของแมลง สัปดาห์ ละ 2 ครั้ง
9.
ทำการทดลองเป็นเวลา
8 สัปดาห์ และเก็บผลผลิตมาชั่งน้ำหนักรวมเพื่อเปรียบเทียบ
8. แผนปฏิบัติงาน
วัน เดือน
ปี
|
การปฏิบัติงาน
|
20
พฤศจิกายน 2550 - 15 ธันวาคม 2550
16 ธันวาคม 2550 -
31 มกราคม 2551
1 กุมภาพันธ์ 2551 -
20 กุมภาพันธ์ 2551
|
ศึกษาค้นคว้า รวมรวมข้อมูล เตรียมอุปกรณ์
ดำเนินการทดลองตามขั้นตอนวิธีดำเนินงาน
สรุปผลและเขียนรายงาน
|
9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.
ได้ปุ๋ยน้ำที่ทำจากเศษผักที่เหลือใช้จากการประกอบอาหาร
2.
เป็นแนวทางในการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า
10. เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ,สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. แบบฝึกกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์
ว 017 โครงงานวิทยาศาสตร์กับคุณภาพชีวิต. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภาลาดพร้าว, 2533.
รุจิรา ปรีชาจารย์
และคณะ. สารสกัดวัชพืชควบคุมวัชพืช. นครสวรรค์ : โรงเรียนสตรีนครสวรรค์,
2538.
ยงยุทธ โอสถสภา . หลักการผลิตและการใช้ปุ๋ย.
กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,
ม.ป.ป.