การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นการเสนอผลงานการดำเนินการเป็นเอกสารจัดว่าเป็นขั้นตอนสำคัญอีกประการหนึ่งของโครงงาน เมื่อนักเรียนดำเนินการทำโครงงานจนครบขั้นตอนได้ข้อมูล ทำการวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมทั้งแปรผล และสรุปผลแล้ว งานขั้นต่อไปที่ต้องทำคือการเขียนรายงานการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้เข้าใจแนวความคิด วิธีดำเนินงานศึกษาค้นคว้าข้อมูล ผลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น
ส่วนประกอบของการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
โดยทั่วไปประกอบด้วย
1. ปกนอก
เป็นส่วนที่อยู่ด้านหน้าสุดของรายงานโครงงาน จะใช้กระดาษแข็ง เนื้อหาส่วนใหญ่คือ
- ชื่อเรื่องโครงงาน
- ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
- ชื่อสถานที่ศึกษา
- จุดประสงค์ในการนำเสนอโครงงาน
2. ปกใน
เป็นส่วนที่อยู่รองจากปกนอกรายละเอียดจะคล้ายกับปกนอก ประกอบด้วย
- ชื่อเรื่องโครงงาน
- ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
- ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
- ชื่อสถานที่ศึกษา
- จุดประสงค์ในการนำเสนอโครงงาน
3. กิตติกรรมประกาศ
เป็นส่วนที่กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ในการทำโครงงาน จนประสบความสำเร็จ เพื่อให้ผู้จัดทำโครงงานได้แสดงออกถึงความกตัญญู รู้จักบุญคุณ นอกจากนี้ยังสามารถยืนยันถึงความสนใจ ในการทำโครงงานอีกด้วย
4. บทคัดย่อ
เป็นส่วนที่สรุปย่อความสำคัญทั้งหมดของการทำโครงงานและผลของการทำโครงงาน ซึ่งความยาวประมาณ 150-250 คำ หรือ ประมาณ 1 หน้ากระดาษ
5. สารบัญ
สารบัญจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้อ่านเห็นเค้าโครงโครงงาน และยังช่วยในการค้นหาแต่ละหัวข้อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แยกตามลักษณะรายละเอียดได้ดังนี้
- สารบัญเรื่อง จะบอกเนื้อหาแต่ละเรื่องว่าอยู่หน้าไหน
- สารบัญตาราง จะบอกว่าตารางแต่ละตารางว่าอยู่หน้าไหน
- สารบัญรูปภาพ จะบอกว่ารูปภาพแต่ละรูปภาพว่าอยู่หน้าไหน
- สารบัญแผนภูมิและกราฟ จะบอกว่าแผนภูมิและกราฟแต่ละอันว่าอยู่หน้าไหน
6. ส่วนเนื้อเรื่องของการเขียนรายงาน
6.1 บทที่ 1 บทนำ เป็นบทแรกของการเสนอรายงานโครงงาน เป็นการกล่าวถึงเหตุจูงใจในการทำโครงงานเรื่องนี้ ทำแล้วจะได้ประโยชน์อะไร เป็นต้น ซึ่งจะประกอบด้วยหัวข้อดังนี้
- ภูมิหลัง หรือ ที่มาและความสำคัญ
- ความมุ่งหมายของการทำโครงงาน หรือ วัตถุประสงค์
- ตัวแปรต่างๆ
- สมมุติฐาน
- นิยามศัพท์เฉพาะ
- ขอบเขตของการศึกษาโครงงาน
6.2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นบทที่แสดงถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะศึกษา อย่างละเอียด
6.3 บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน เป็นบทที่แสดงถึงการวางแผนออกแบบการทดลอง ว่าจะใช้อะไรดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งประกอบด้วย
- เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
- ขั้นตอนและวิธีการศึกษาโครงงาน
- การเก็บรวบรวมข้อมูล
6.4 บทที่ 4 ผลการศึกษา เป็นการนำเสนอผลการศึกษาแต่ละขั้นตอนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตาราง กราฟ แผนภูมิ เป็นต้น
6.5 บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง เป็นการสรุปผลการทดลองในแต่ละขั้นตอน พร้อมเสนอแนะการทำโครงงานต่อไปอีก
7. ภาคผนวก เป็นการเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับการดำเนินงานโครงงาน หรือทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
8. บรรณานุกรม เป็นการอ้างอิงหลักฐานเอกสารที่ค้นคว้าเกี่ยวกับการศึกษาโครงงาน โดยมีรูปแบบการนำเสนอดังนี้
- ชื่อผู้แต่ง นามสกุล.// ชื่อหนังสือ.// ครั้งที่พิมพ์.(ถ้าพิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป) เมืองที่พิมพ์ / : / สำนักพิมพ์, / ปีที่พิมพ์. ( เครื่องหมาย / หมายถึง การเว้น 1 เคาะ )
- การนำเสนอต้องเรียงลำดับตามตัวอักษรชื่อผู้แต่งโดยไม่มีคำนำหน้า
- เริ่มต้นแต่ละรายการของบรรณานุกรมโดยพิมพ์ชิดขอบซ้ายมือ ถ้าไม่จบในบรรทัดเดียวให้พิมพ์ต่อในบรรทัดถัดมาในระยะที่ 9
- ผู้แต่งคนเดียวกันเขียนงานหลายเรื่องและนำมาลงรายการบรรณานุกรมไว้ด้วยกัน งานชิ้นแรกให้ลงนามผู้แต่งตามหลักเกณฑ์การลงรายการผู้แต่งในบรรณานุกรม ต่อมาชิ้นหลัง ๆ ใช้ขีดเส้นยาวติดต่อกันระยะ 8 ช่วงตัวอักษรแทนนามผู้แต่ง ตามด้วยเครื่องหมายมหัพภาคแล้วจึงขึ้นชื่อเรื่องและเรียงลำดับตามอักษรชื่อเรื่องนั้น
ดังตัวอย่าง
ชลัยพร เหมะรัชตะ และคนอื่นๆ. การค้นคว้าและเขียนรายงาน. พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม.
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540.
ภัทรธิรา ผลงาม. ทรัพยากรมนุษย์กับการพัฒนา. เลย : สถาบันราชภัฏเลย , 2544.
__________. ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. เลย : สถาบันราชภัฏเลย , 2545.
9. ใบรองปกหน้า – หลัง เป็นกระดาษเปล่าขนาดเดียวกับที่ใช้พิมพ์รายงาน เพื่อป้องกันปกใน และเนื้อหาในแผ่นสุดท้ายอีกชั้นหนึ่ง
10. ปกหลัง เป็นกระดาษแข็งเช่นเดียวกับปกหน้า เพื่อเย็บเป็นรูปเล่ม